บทที่ 1
บทนำ

ความเป็นมาของโครงงาน
      ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  ประเทศไทยได้ถือเอาการไหว้เป็นการแสดงความเคารพต่อกันและกัน  ในปัจจุบันการไหว้เปรียบเสมือนเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของประเทศไทย  นอกจากคนไทยจะมีวัฒนธรรมการไหว้ที่สวยงามแล้วยังมีรอยยิ้มที่สดใสและจริงไจ  ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นที่ประทับใจและน่าจดจำต่อผู้ที่ได้ประสบพบเห็น
      ในปัจจุบันสภาพสังคมไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงไป  เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิดกว้างทางวัฒนธรรม  จึงได้มีการรับนำเอาวัฒนธรรมของนานาอารยประเทศเข้ามามากเกินไป  จนทำให้คนไทยอาจหลงลืมวัฒนธรรมอันดีงามของประเทศตนเองไป  และเพื่อเป็นการสืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ดีงามของไทยให้คงอยู่ต่อไป  เราในฐานะประชาชนชาวไทยจึงควรมีส่วนร่วมในการช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมที่มีคุณค่าเหล่านี้ไว้
      ในฐานะที่เราเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่ตระหนักและเห็นความสำคัญของการไหว้ซึ่งนับวันจะยิ่งเลือนหายไปจากสังคมไทย  จึงได้มีความคิดริเริ่มที่จะจัดทำโครงงานนี้  ซึ่งโครงงานนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อสำรวจนักเรียนในโรงเรียนตราษตระการคุณเพื่อดูว่าพฤติกรรมการแสดงความเคารพของนักเรียนที่มีต่อคุณครูมีมากหรือน้อยเพียงใด  เพื่อนำผลที่ได้จากการสำรวจมาวิเคราะห์  แปรผลข้อมูล  เพื่อให้ได้แนวทางในการแก้ไขสืบต่อไป

จุดประสงค์
1.  เพื่อสำรวจและรวบรวมข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการไหว้ของนักเรียนที่ปฏิบัติต่อคุณครู
2.  หาปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อการแสดงความเคารพระหว่างนักเรียนที่มีต่อคุณครู
3.  เพื่อนำผลที่สำรวจได้มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไข

สมมติฐาน
       การทำสถิติเพื่อหาปัจจัยหลักที่ส่งผลให้นักเรียน ไม่แสดงความเคารพต่อคุณครูและช่วยส่งผลให้นักเรียนแสดงความเคารพต่อคุณครูเพิ่มมากขึ้น

ข้อตกลงเบื้องต้น
1. นักเรียน  หมายถึง  นักเรียนในโรงเรียนตราษตระการคุณเท่านั้น
2. คุณครู  หมายถึง  คุณครูในโรงเรียนตราษตระการคุณเท่านั้น
3. สถิติ  หมายถึง  การรวบรวมข้อมูลการไหว้ของนักเรียนโรงเรียนตราษตระการคุณเท่านั้น
4. การเก็บสถิติ  เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการไหว้ของนักเรียนโรงเรียนตราษตระการคุณ

วิธีการทำโครงงาน
      เนื่องจากพฤติกรรมการแสดงความเคารพของนักเรียนโรงเรียนตราษตระการคุณมีไม่มากเท่าที่ควร คณะผู้จัดทำจึงได้จัดทำข้อมูลให้อยู่ในรูปของสถิติ เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปศึกษาและปฏิบัติ ซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้
1. ศึกษาวิธีการจัดทำสถิติ
2. สำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการไหว้ของนักเรียนต่อคุณครู
3. นำข้อมูลที่สำรวจมาจัดทำอยู่ในรูปสถิติ
4. วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการเลือกรูปแบบการจัดทำ
5. ออกแบบการนำเสนอในรูปแบบต่างๆของสถิติ
6. จัดทำรูปเล่มและนำเสนอในรูปแบบต่างๆ

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับการไหว้
2. ช่วยส่งเสริมให้นักเรียนมีมารยาทที่ดีขึ้น รู้จักความอ่อนน้อมถ่อมตน
3. ช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทยให้คงสืบต่อไป
4. เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างคุณครูและนักเรียนให้มีความสัมพันธ์ระหว่างกันในทางที่ดีขึ้น

บทที่ 4 กราฟ

ตารางกราฟแสดงความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/1

 

 

 

สรุปผลการศึกษา

สรุปผลการทดลอง

ตารางแสดงค่าเฉลี่ยของแต่ละสาเหตุที่แต่ละกลุ่มประชากรเห็นด้วย

 

จากผลการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง
ม.1/1  มีการแสดงความคิดเห็นว่าวัฒนธรรมจากต่างชาติมีผลทำให้เด็กไม่ไหว้ผู้ใหญ่มากที่สุด  และคิดว่าการคิดว่าการไหว้ไม่ใช่สิ่งจำเป็นมีผลทำให้เด็กไม่ไหว้ผู้ใหญ่น้อยที่สุด
ม.4/1  มีการแสดงความคิดเห็นว่าความรู้สึกมีผลทำให้เด็กไทยไม่ไหว้ผู้ใหญ่มากที่สุด  และคิดว่าวัฒนธรรมจากต่างชาติมีผลทำให้เด็กไม่ไหว้ผู้ใหญ่น้อยที่สุด
ม.5/1  มีการแสดงความคิดเห็นว่าความรู้สึกมีผลทำให้เด็กไทยไม่ไหว้ผู้ใหญ่มากที่สุด  และคิดว่าการคิดว่าการไหว้ไม่ใช่สิ่งจำเป็นมีผลทำให้เด็กไทยไม่ไหว้ผู้ใหญ่น้อยที่สุด
      เมื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจากกลุ่มตัวอย่าง มีการแสดงความคิดเห็นว่าความรู้สึกมีผลทำให้เด็กไม่ไหว้ผู้ใหญ่มากที่สุด  และการคิดว่าการไหว้ไม่ใช่สิ่งจำเป็นมีผลทำให้เด็กไม่ไหว้ผู้ใหญ่น้อยที่สุด

 

 

ข้อเสนอแนะ
1.  ในการจัดทำข้อมูล ควรจัดทำหรือเลือกกลุ่มตัวอย่างที่มีวงกว้างหรือมากกว่านี้  เพื่อความเป็นมาตรฐานของข้อมูล
2. ควรตั้งคำถามที่เป็นคำถามปลายเปิด  เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มตัวอย่างแสดงทัศนคติ
3. ควรเพิ่มหัวข้อบทความสำรวจเพื่อความหลากหลายทางความคิด

ปัญหาและอุปสรรค
1.  มีความล่าช้าในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง
2.  ในครั้งแรกข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ไม่สามารถนำมาจัดทำในรูปแบบสถิติได้
3.  ในการหาข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้องมีความยากลำบาก  จัดหาแล้วไม่สอดคล้องกับรูปแบบสถิติที่จะจัดทำ

 

<<-------หน้าแรก-------->>